ฆ่ากันตายในร้านขายผ้าม่านเสียชีวิตสองคน

ฆ่ากันตายในร้านขายผ้าม่านเสียชีวิตสองคนเหตุเกิดที่อำเภอศรีราชา 

     เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ่อวินจังหวัดชลบุรีรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุยิงกันเกิดขึ้นที่ร้านขายผ้าม่านแห่งหนึ่งโดยขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวนสองคนซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงยังจุดเกิดเหตุพบร้านขายผ้าม่านชื่อว่าร้านม่านสวยซึ่งร้านดังกล่าวดัดแปลงมาจากทาวน์โฮมจำนวนสามชั้น

โดยภายในร้านบ้านสวยมีคนตายจำนวนสองคนซึ่งทราบชื่อคนตายภายหลังว่าชื่อนายสัมฤทธิ์  กองเงินและนางสาวณัฐนันท์ ขุนศักดิ์ณรงค์ซึ่งสภาพศพของนายสัมฤทธิ์นั้นอยู่ในอาการนอนคว่ำหน้าโดยใบหน้าฟลุคอยู่บนที่นอนซึ่งใบหน้าฟุบพาดอยู่บนมือข้างซ้ายของตัวเองด้วย โดยจากการสำรวจสภาพศพแล้วพบว่ามีการถูกยิงที่บริเวณขมับเข้าทางด้านขวา

ส่วนศพของนางรัธนันนั้นอยู่ในอาการนอนหงายโดยหงายหลังทิ้งอยู่กับเตียงนอนและมีร่องรอยการถูกยิงที่บริเวณหน้าผากซึ่งคนถูกอาวุธปืนชนิดเดียวกันหญิงโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบอาวุธปืนที่จุดเกิดเหตุเป็นปืนพกขนาด.380แมกกาซีนและใกล้ใกล้กันก็ปลอกกระสุนปืนจำนวนสองปลอกตกอยู่ใกล้กับศพของทั้งสองศพด้วยทางเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บปลอกกระสุนปืนและอาวุธปืนไว้เป็นหลักฐาน

ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำน้องชายของนางสาว ณัฐนันท์โดยน้องชายได้ให้ข้อมูลว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันและอยู่ด้วยกันมานานแล้วแต่ทั้งคู่มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันอยู่เป็นประจำเพราะว่าฝ่ายชายเกิดความระแวงในตัวฝ่ายหญิงด้วยกลัวว่าฝ่ายหญิงจะไปมีผู้ชายคนอื่นซึ่งเรื่องที่ทั้งคู่ทะเลาะกันจะมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว

โดยทะเลาะกันมาเป็นเวลากว่าสองปีแล้วซึ่งในวันเกิดเหตุฝ่ายสามีได้โทรไปหาเพื่อนรุ่นน้องของตนเองชื่อว่านาย พันเทพ ซึ่งมีบ้านอยู่ที่จังหวัดระยองโดยใส่ชายได้บอกกับเพื่อนรุ่นน้องว่าหากตนเองเป็นอะไรไปขอให้เพื่อนรุ่นน้องช่วยประสานงานเอาศพไปเผาที่จังหวัดนครราชสีมาด้วย จากการตรวจสอบตำรวจสันนิษฐานว่าในวันเกิดเหตุทั้งคู่น่าจะทะเลาะกันอย่างรุนแรง

เพราะบริเวณที่เกิดเหตุมีข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมดซึ่งน่าจะมีการลงมือการทำร้ายกันซึ่งน่าจะมีสาเหตุทำให้นายสัมฤทธิ์โมโหจนเลือดขึ้นหน้าป่าวไม่ได้แสบจึงได้ไปเอาปืนมายิงฝ่ายหญิงโดยยิ่งที่กลางหน้าผากของฝ่ายหญิงจนทำให้เสียชีวิตทันทีแล้วตัวเองก็ยิงเข้าที่ขมับของตัวเองเพื่อตายตามภรรยาตัวเองไปซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานและหาข้อสรุปที่แน่ชัดก่อนจะส่งศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป                

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ข่าวสะท้อนสังคม และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร