ประเทศไทยจ่อเกิดการรัฐประหาร

สถานการณ์ทางการเมืองวันนี้ต้องจับตามองเรื่องใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจซึ่งทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้วหรือว่าเรื่องการเมืองหรือการเมืองน้ำเน่าในพรรคพลังประชารัฐก็เป็นเรื่องที่ทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลไป

บรรยากาศเป็นแบบนี้ต้นทุนทางการเมืองของรัฐบาลนั้นร่อยหรอมากคล้ายๆกับสิ่งที่พลเอกเปลมเคยพูดไว้ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ตอนนั้นพลเอกเปลมท่านเป็นประธานองคมนตรีเคยบอก นายประยุทธ์ ในช่วงปีใหม่ว่ากองหนุนของตู่หมดแล้วตู่ไม่เหลือแรงหนุนทางสังคมอีกต่อไปแล้ว3ปีก่อนพลเอกเปลมพูดเอาไว้ยังนั้น

ในเวลานี้สิ่งที่พลเอกเปลมที่ได้เคยพูดเอาไว้ถูกต้องทุกเรื่องหรือแม้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอดีตผู้บังคับบัญชาของนายประยุทธ์ในเวลาที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้เป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงปี2552-2553เคยพูดเอาไว้ว่าหากนายประยุทธ์เป็นนายกหลังปี2562ทั้งที่นายประยุทธ์ไม่ชนะการเลือกตั้งทั้งที่พรรคชนะการเลือกตั้งและพรรคซึ่งได้รับเสียงข้างมากจริงๆในผู้แทนราษฎรหากไม่มี วุฒิสมาชิก250คนคืออีกฝ่ายหนึ่งนั้น

ซึ่งในที่สุดแล้ว นายประยุทธ์ จะเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทางการเมืองนั้นพอถึงปี2563ทั้งหมดที่ พลเอกเปลม พูดเป็นอย่างที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยพูดนั้นก็คือเอา นายประยุทธ์ หรือไม่เอา นายประยุทธ์ กลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางการเมือง เอานโยบาลเศรษฐกิจแบบ นายประยุทธ์ หรือไม่ กลายเป็นชนวนของความขัดแย้งทางการเมืองหรือ

แม้กระทั่งเอานโยบาลการศึกษาแบบ ณัฐพล ที่เป็นคนของ นายประยุทธ์ หรือไม่ ก็กลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางการเมืองทุกความขัดแย้งทุกปมของเรื่องราวในประเทศเวลานี้ถ้าเปรียบเป็นลูกศรมันมีลูกศรที่ทุกลูกศรนั้นพุ่งตรงไปยังทำเนียมรัฐบาลที่ถนนพิษณุโลกและที่ถนนพิษณุโลกนั้นลูกศรได้พุ่งตรงไปที่ตึกบัญชาการของนายประยุทธ์ นั่นก็คือความรู้สึกว่าเมื่อไหร่ นายประยุทธ์ จะออกไปนั้นก่อตัวในใจประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้แน่นอนเลยว่าความเป็นจริงที่ นายประยุทธ์ เป็นทหารมีพวกพ่องงอยู่เยอะในกอง พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ถูกนายประยุทธ์ตั้งขึ้นมานั้น การปฏิวัติรัฐประหารเป็นทางเลือกที่มันอาจจะเป็นไปได้ทุกเมื่อ

สำหรับข่าวลือเรื่องของการปฏิวัติรัฐประหารได้มีมากอย่างต่อเนื่องหลายคนก็คงจะเห็นภาพการเคลื่อนกำลังของกองทัพอย่างผิดปกติทางกองทัพก็ได้ออกมาชี้แจงว่าเป็นการเคลื่อนกำลังไปฝึกแต่ว่าทุกครั้งที่ได้มีการรัฐประหารเราจำได้ว่า 19 กันยายน พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็มีการเคลื่อนกำลังแล้วก็อ้างว่าไปฝึกซึ่งตอนต้นก็คงจะนำไปฝึกจริงๆแต่เมื่อฝึกเสร็จแล้วอาวุธมันไม่ถูกขนกลับไปยังนวยที่ตั้งอยู่นอกพื้นที่ด้วยอาวุธมันถูกทิ้งเอาไว้ในกรุงเทพมหานครและมันก็จะนำไปสู๋การปฏิวัติรัฐประหาร

 

สนับสนุนโดย  sexybaccarat

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ข่าวสังคมทั่วไป และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร