รปภ. สาววัย 40 ปีกระโดดตึกเครียดกลัวติดโควิด-19

    ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและหลายคนก็ยังไม่มีความรู้มากพอเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดนี้จึงทำให้มีความกลัวว่าหากติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เราจะเสียชีวิต  หลายคนจึงเกิดความรังเกียจคนที่ติดเชื้อไวรัสเกรงว่าจะนำเชื้อไวรัสนี้ไปแพร่ให้กับคนอื่นมีหลายหมู่บ้านที่ออกมาต่อต้านคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19ถึงแม้ว่ารักษาตัวหายแล้ว

แต่ก็ไม่ยอมให้กลับเข้าไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านได้หนึ่งในผู้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19ก็คือรปภสาววัย 40 ปีซึ่งเธอทำงานอยู่ที่ศูนย์ราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองเมื่อ 4 วันก่อนเธอมีอาการปวดหัวและท้องเสียจึงได้เดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ในเมื่อไปแจ้งอาการคุณหมอก็ทำการตรวจรักษาพร้อมกับแนะนำให้เธอกักตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน เพื่อรอผลการตรวจทางเอกสารอีกครั้งหนึ่งซึ่งผ่านไปแค่เพียง 3 วันเท่านั้นรปภสาวก็มีอาการวิตกจริตเพลงว่าตนเองและติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จึงตัดสินใจขึ้นไปบนชั้น 4 แล้วกระโดดลงมาหวังฆ่าตัวเองให้ตาย

       จากเหตุการณ์ที่รปภสาวกระโดดตึกลงมาเธอได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่เสียชีวิตมีพลเมืองดีโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประสานงานนำกู้ภัยมารับตัวเธอไปส่งโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุขก็ได้นำยาฆ่าเชื้อมาพ่นทั้งในตัวตึกและบริเวณที่หญิงสาวกระโดดลงมาเพื่อเป็นการสร้างความสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัยบริเวณนั้นว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 

     ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความกลัวของรปภสาวกลัวว่าตัวเองจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19  อย่ากลัวการที่จะต้องถูกกักบริเวณอยู่แต่ในห้องเป็นระยะเวลาถึง 14 วันซึ่งการถูกกักบริเวณอยู่ในห้องเป็นเวลา 14 วันนั้นเชื่อว่าหลายคนคงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนมากเท่าไหร่ถ้าหากเทียบกับการที่จะไม่มีเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

เพราะถ้าเป็นอาชีพรปภแล้วเงินเดือนน่าจะมีรายได้วันต่อวันเท่านั้นดังนั้นหากต้องหยุดงานมาถึง 14 วันเธอก็จะไม่มีเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเช่าห้องรวมถึงซื้อกินนี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักให้เธอตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายมากกว่าดังนั้น

ทางที่ดีทางรัฐบาลควรจะมีการแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19ว่ามีความอันตรายมากน้อยแค่ไหนและควรจะต้องดูแลตัวเองอย่างไรบ้างให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้สามารถดูแลตนเองให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัสได้รวมถึงจะได้ไม่ต้องวิตกกังวลมากนักว่าติดเชื้อไวรัสแล้วอาจจะทำให้ตนเองถึงแก่ความตาย 

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ปัญหาทางสังคม และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร