เซ็นค้ำประกันให้ผู้ใหญ่บ้าน

เซ็นค้ำประกันให้ผู้ใหญ่บ้านซื้อรถกลับถูกฟ้องยึดที่ดินมรดกอดีตผู้ช่วยสุดช้ำ 

     ได้มีชายคนหนึ่งพร้อมกับภรรยาได้ออกมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่าให้ช่วยติดตามให้ช่วยช่วยเหลือเกี่ยวกับที่ตนเองไปเซ็นค้ำประกันให้กับผู้ใหญ่บ้านทำให้ต้องเดือดร้อนกำลังจะถูกยึดที่ดินจำนวนหนึ่งไร่หนึ่งงานซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ของตนเองทั้งนี้ที่ดินนั้นมีทั้งบ้านจำนวนสองหลังและยังมีต้นยางพาราที่ตนเองและลูกชายช่วยกันปลุกเอาไว้

เพื่อเตรียมจำหน่ายซึ่งทั้งอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เดเราให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่าตนเองรู้จักกับผู้ใหญ่บ้านมานานแล้วเพราะคุ้นเคยและมีศักดิ์เป็นหลานเขยกันเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาขอร้องให้ช่วยเซ็นค้ำประกันเพราะต้องการไปซื้อรถกระบะกับเต็นท์ขายรถมือสองต้นจึงดำเนินการเซ็นค้ำประกันให้

ซึ่งตอนนั้นราคารถอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาทหลังจากใช้รถไปได้ประมาณสามสี่เดือนลดก็เกิดปัญหาเสีย บ่อยทำให้ผู้ใหญ่บ้านติดต่อไปยังเป็นรถเพื่อทำเรื่องขอคืนรถโดยในตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านมีการจ่ายค่างวดรถปกติไม่ได้มีการติดค้างแต่เมื่อทางบริษัทรถยนต์นำรถกลับไปแล้วกลับแจ้งมาทางผู้ใหญ่บ้านว่าผู้ใหญ่บ้านต้องจ่ายเงินเพิ่มเป็นค่าสึกหรอเป็นจำนวนเงิน 36,000 บาท

ซึ่งเงินก้อนนี้เองที่ผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมจ่ายเพราะคิดว่าตนเองไม่ได้ใช้รถและทางเป็นก็เอารถคืนไปแล้วหลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปแล้วต่อมาในปี 2560 ทางเต้นรถก็ได้ส่งเอกสารมาที่บ้านของตนเพื่อให้ตนเองจ่ายเงินค่า สึกหรอของรถเหตุเพราะผู้ใหญ่ไม่ยอมจ่ายและเมื่อตนไปบอกกับผู้ใหญ่บ้านทางผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าจะจัดการให้ทำให้ตนนิ่งนอนใจแต่ต่อมาเพิ่งตื่นรบกวนส่งหนังสือมาทวงค่าสึกหรออีกรอบโดยครั้งนี้นอกจากจะต้องเสียเงิน 3600 บาท

แล้วยังต้องเสียค่าดอกเบี้ยเพิ่มมาอีกด้วยซึ่งรวมทั้งสิ้นที่ต้องจ่ายคือ 105,000 บาทซึ่งตนก็ได้แจ้งไปทางผู้ใหญ่บ้านโดยทางผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการเองจะไม่ให้เกิดปัญหาหลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไปอีกครั้งจนกระทั่งวันที่ 15 สิงหาคมปี 2562 ได้มีประกาศมาติดที่หน้าบ้าน

โดยระบุว่ามาจากกรมบังคับคดีจะมายึดที่ดินบ้านของตนซึ่งตนได้อาศัยอยู่พร้อมกับลูกชาย จนต้นต้องนำเอกสารไปให้ผู้ใหญ่บ้านดูทำให้ทราบว่าเป็นรถได้ยื่นฟ้องให้ตุ้มต้องจ่ายค่าเสียหาย 105,000 บาทและหักต้นไม่จ่ายก็จะมีการมายึดที่ดินบ้านของตนซึ่งเป็นมรดกที่ตนมีเหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวซึ่งจะทำให้ตนเองและคนในครอบครัวไม่มีที่อยู่อาศัยจึงได้มาร้องขอให้นักข่าวได้ออกมาช่วยเหลือตนเองและครอบครัวด้วย                     

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ข่าวสังคมทั่วไป และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร